เมื่อวันที่ 3 เมษายน
พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงภายหลังประชุมคณะผู้บริหาร
กทม.ครั้งที่ 11/2560 เรื่อง
มาตรการจูงใจสำหรับภาคเอกชนในการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ว่า
สถานการณ์เรื่องมลภาวะในพื้นที่กรุงเทพมหานครกำลังอยู่ในภาวะวิกฤต
ขณะนี้ข้อมูลพื้นที่สีเขียวขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า ประชาชน 1 คน ต้องการพื้นที่สีเขียว 16 ตารางเมตร (ตร.ม.)
แต่ในพื้นที่กรุงเทพฯ พบว่า มีพื้นที่สีเขียวเพียง 3 ตร.ม.ต่อคน
เท่านั้น โดยไม่ได้นับรวมกับจำนวนประชาการแฝง
ซึ่งหากนับเพิ่มไปด้วยคงจะเป็นตัวเลขติดลบ กทม.จึงมีแนวคิดเพิ่มพื้นที่สีเขียว
เบื้องต้นได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้บริหาร กทม.จัดตั้งคณะกรรมการ มี
พล.อ.พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.เป็นประธาน
และมีตัวแทนจากสำนักคลังและสำนักสิ่งแวดล้อมเป็นคณะกรรมการ
ซึ่งมีหน้าที่กำหนดนโยบายการปลูกและดูแลต้นไม้พื้นที่กรุงเทพฯ
พล.ต.ท.อำนวย แถลงอีกว่า สำหรับมาตรการจูงใจของภาคเอกชน คือ หากภาคเอกชนรายใดปลูกต้นไม้และสามารถสร้างพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้นได้ ก็จะได้รับการลดหย่อนภาษีโรงเรือน โครงการดังกล่าวจะเสริมให้ พ.ร.บ.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พศ. …ที่คาดว่าจะบังคับใช้ได้ในปี 2562 โดยหากเอกชนรายใดที่มีพื้นที่รกร้างแล้วปล่อยทิ้งไว้ จะต้องเสียภาษีเป็นจำนวนมาก แต่หากใช้มาตรการดังกล่าวเสริม นอกจากจะเป็นการลดหย่อนภาษีได้แล้ว ต้นไม้ที่ปลูกยังสามารถประเมินให้เป็นทรัพย์สินสำหรับการออมได้ แต่ต้องดูแลพื้นที่ด้วย โดยสำนักงานเขตจะส่งเจ้าหน้าที่รุกขกรไปให้ความรู้ ซึงจะพิจารณากำหนดแนวทางดำเนินการและนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป
“สำหรับอาคารสูงที่มีการกำหนดพื้นที่สีเขียวอยู่แล้ว จะไม่ได้รับการพิจารณาในโครงการดังกล่าว แต่หากมีการจัดทำพื้นที่สีเขียวเพิ่มนอกเหนือจากที่ระบุ ก็จะสามารถนำมาร่วมกับโครงการดังกล่าว โดยต้องพิจารณาในส่วนของรายละเอียดต่อไป ส่วนจำพวกพืชผักสวนครัวอยู่ในการพิจารณารายละเอียดว่าเข้าข่ายมาตรการหรือไม่” พล.ต.ท.อำนวย กล่าว
พล.ต.ท.อำนวย แถลงอีกว่า สำหรับมาตรการจูงใจของภาคเอกชน คือ หากภาคเอกชนรายใดปลูกต้นไม้และสามารถสร้างพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้นได้ ก็จะได้รับการลดหย่อนภาษีโรงเรือน โครงการดังกล่าวจะเสริมให้ พ.ร.บ.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พศ. …ที่คาดว่าจะบังคับใช้ได้ในปี 2562 โดยหากเอกชนรายใดที่มีพื้นที่รกร้างแล้วปล่อยทิ้งไว้ จะต้องเสียภาษีเป็นจำนวนมาก แต่หากใช้มาตรการดังกล่าวเสริม นอกจากจะเป็นการลดหย่อนภาษีได้แล้ว ต้นไม้ที่ปลูกยังสามารถประเมินให้เป็นทรัพย์สินสำหรับการออมได้ แต่ต้องดูแลพื้นที่ด้วย โดยสำนักงานเขตจะส่งเจ้าหน้าที่รุกขกรไปให้ความรู้ ซึงจะพิจารณากำหนดแนวทางดำเนินการและนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป
“สำหรับอาคารสูงที่มีการกำหนดพื้นที่สีเขียวอยู่แล้ว จะไม่ได้รับการพิจารณาในโครงการดังกล่าว แต่หากมีการจัดทำพื้นที่สีเขียวเพิ่มนอกเหนือจากที่ระบุ ก็จะสามารถนำมาร่วมกับโครงการดังกล่าว โดยต้องพิจารณาในส่วนของรายละเอียดต่อไป ส่วนจำพวกพืชผักสวนครัวอยู่ในการพิจารณารายละเอียดว่าเข้าข่ายมาตรการหรือไม่” พล.ต.ท.อำนวย กล่าว
ที่มา
มติชนออนไลน์